การ “เรียนหนัก” และ “กวดวิชา” ช่วยพัฒนาประชากรจริงหรือ?
JANUARY 18, 2012 education pupil student teacher
นักเรียนไทยรุ่นใหม่แทบทุกค นเคยเรียนพิเศษเพื่อให้สอบไ ด้คะแนนดี สอบเข้าคณะที่ต้องการได้ ฯลฯ แต่หากศักยภาพในการพัฒนาประ เทศขึ้นอยู่กับคุณภาพประชาก ร หากคุณภาพประชากรขึ้นอยู่กั บคุณภาพการศึกษา และหากคุณภาพการศึกษาขึ้นอย ู่กับความสามารถของนักเรียน ในการเข้าใจสาระที่เรียนอย่ างถ่องแท้ เราอาจจะต้องตั้งคำถามว่ากา รเรียนหนักและการกวดวิชาสาม ารถช่วยพัฒนาคุณภาพประชากรไ ด้จริงหรือ?
ดังที่เคยนำเสนอไปแล้ว[1] ว่าทางหนึ่งที่จะวัดความเข้ าใจในสาระวิชาของนักเรียนโด ยใช้มาตรฐานเดียวกันในระดับ นานาชาติ คือ การทดสอบ PISA[2] โดยผลการศึกษาของ PISA ฉบับล่าสุดที่ทำในปี 2009 นอกจากจะรายงานผลการทดสอบแล ้ว ยังมีผลการศึกษาที่น่าสนใจส องประการซึ่งเราแสดงไว้เป็น กราฟในภาพ คือ
1. กราฟซ้ายแสดงคะแนน PISA เป็นฟังก์ชันของจำนวนชั่วโม งที่นักเรียนแต่ละประเทศเรี ยนวิทยาศาสตร์ จะเห็นว่ากราฟนั้นค่อนข้างเ รียบและมีความสัมพันธ์ไปในท างลบเล็กน้อย นั่นคือการใช้เวลาเรียนมากข ึ้นไม่ได้ส่งผลให้เข้าใจวิท ยาศาสตร์มากขึ้น ซ้ำร้ายการใช้เวลาเรียนมากเ กินไปยังส่งผลในเชิงลบต่อคว ามเข้าใจเสียด้วย (หมายเหตุ: ดูกราฟต้นฉบับใน [2] หน้า 386)
ผลการศึกษานี้ขัดกับสามัญสำ นึกว่าหาก “เรียนมาก” ก็น่าจะทำคะแนนได้ดีกว่า ซึ่งไม่เป็นความจริง
2. กราฟขวาแสดงคะแนน PISA เป็นฟังก์ชันของเปอร์เซนต์ข องชั่วโมงเรียนวิทยาศาสตร์ท ี่เรียนในโรงเรียน (ส่วนที่เหลือคือการเรียนกว ดวิชา) ประเทศที่เปอร์เซนต์น้อยแปล ว่าเรียนในห้องเรียนน้อยและ เรียนพิเศษมาก เช่น เม็กซิโก ชิลี บราซิล ส่วนประเทศที่เปอร์เซนต์สูง แปลว่าใช้เวลาเรียนในห้องเร ียนมากและเรียนพิเศษเป็นสัด ส่วนน้อยกว่า เช่น ฟินแลนด์ นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น
กราฟนี้แสดงว่ายิ่งให้ความส ำคัญกับเวลาเรียนในห้องเรีย นมากก็จะยิ่งเข้าใจสาระที่เ รียนได้มาก และหากเรียนกวดวิชากันเป็นส ัดส่วนมากจะกลับมีความเข้าใ จน้อยลง ทั้งนี้ ควรเป็นที่สังเกตว่าข้อมูลน ี้ไม่ได้แสดงว่าความเข้าใจใ นสาระวิชานั้นถูกลดด้อยลงเพ ราะคุณภาพการเรียนในห้องหรื อการกวดวิชา เพียงแต่บอกว่าประเทศที่นัก เรียนใช้เวลาไปกับการเรียนก วดวิชาเป็นสัดส่วนน้อยกว่าจ ะมีความเข้าใจในสาระวิชามาก กว่า ซึ่งอาจจะเป็นไปได้เช่นกันว ่าว่าประเทศที่มีการเรียนพิ เศษน้อยและมีระดับความเข้าใ จในสาระวิชาสูงเป็นผลของการ ศึกษาภาคบังคับที่มีประสิทธ ิภาพมาก (หมายเหตุ: ดูกราฟต้นฉบับใน [2] หน้า 386 และอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม เรื่องผลของการกวดวิชาได้ใน Box D1.2. “Does investing in after-school classes pay off?”; ทีมงานไม่มีข้อมูลเปอร์เซนต ์ของเวลาเรียนวิทยาศาสตร์ใน ห้องเรียนสำหรับประเทศไทย จึงแสดงระยะประมาณที่ 45-60 เปอร์เซนต์ไว้ในกราฟ)
ผลวิจัยนี้ชี้ว่าแม้การเรีย นพิเศษหรือกวดวิชาอาจจะทำให ้สอบเก่งขึ้น เข้าคณะที่ต้องการได้ ฯลฯ แต่กลับไม่ได้ทำให้เกิดความ เข้าใจในสาระวิชาอย่างแท้จร ิง ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นในการ พัฒนาประเทศ
เราอาจกล่าวได้เช่นกันว่าคุ ณภาพการเรียนในห้องเรียนของ แต่ละประเทศ ย่อมส่งผลต่อสัดส่วนการเรีย นในห้อง/ เรียนพิเศษ แต่ถึงแม้ประเทศที่ (เชื่อกันว่า) การเรียนในห้องมีคุณภาพสูง ผลการศึกษาในข้อ 1 ก็แสดงให้เห็นอยู่ดีว่ายิ่งเรียนมาก ยิ่งทำคะแนนสอบได้น้อย แอดมินย้ำว่าผลการศึกษาทั้ง สองไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกั บประเทศไทยเพียงแห่งเดียว แต่เป็นธรรมชาติของระบบการศ ึกษาทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งใน นั้น ไม่ได้พิเศษแตกต่างแต่อย่าง ไร
แน่นอนว่าปัจจัยที่ส่งผลต่อ คุณภาพประชากรเป็นปัญหาที่ส ำคัญและต้องการการแก้ไขจากท ุกฝ่าย เราคงไม่สามารถกล่าวได้ว่าน ี่คือความผิดของ ครู นักเรียน เจ้าของโรงเรียนกวดวิชา ติวเตอร์ รัฐบาล ระบบการศึกษา หรือใครคนใดคนหนึ่ง
หากเราทุกคนช่วยกัน “ตั้งคำถาม” ว่ามีอะไรผิดบ้าง ช่วยกัน “ตอบคำถาม” ว่าเราจะต้องเปลี่ยนแปลงอะไ รบ้าง และช่วยกัน “สอดส่อง” ว่ามีอะไรบ้างที่ตัวเราสามา รถทำได้อันจะนำไปสู่การแก้ป ัญหาในภาพรวม นี่อาจเป็นก้าวสำคัญที่จะช่ วยลดการสูญเสียศักยภาพของปร ะชากรไทยไปโดยใช่เหตุได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น